เด้ง-ฟันอาญา ครู"ตุ๋ย"4นร. รมว.ศธ.จี้เอาผิด ส่วนคดีแช็ตหื่น สั่งสอบรองผอ.

รมว.ศึกษาฯ สั่งฟันเด็ดขาดครูโรงเรียนดังในกทม. "ตุ๋ย" 4 น.ร.ชายระหว่างไปดูงานที่สิงคโปร์ ชี้หากผิดจริงไม่เลี้ยงไว้ เพราะขาดจรรยาบรรณอย่างร้ายแรง เลขาฯ สพฐ.ระบุสั่งย้ายเข้ากรุแล้ว ให้มารายงานตัวจันทร์นี้ พร้อมเร่งเยียวยาจิตใจเหยื่อน.ร.ทั้ง 4 ด้านครูตุ๋ยยังเก็บตัวเงียบ ขณะที่ผอ.โรงเรียนดังอุตรดิตถ์สั่งตั้งกก.สอบแล้วรองผอ.แช็ตไลน์สยิวกับน.ร.หญิง "ม.6" หลังแชร์เรื่องนี้กันกระหึ่มสังคมออนไลน์ ทั้งเรียกรองผอ.กับน.ร.หญิงมาสอบสวนทั้งคู่จันทร์นี้ ชี้หากผิดจริงก็ต้องลงโทษวินัยร้ายแรง



จากกรณีมีผู้ปกครองของนักเรียนชายชั้นป.2 ของโรงเรียนชื่อดัง ย่านรามคำแหง กทม. ได้เข้าไปร้องเรียนกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) อ้างว่าลูกชายและเพื่อนๆ อีก 3 คนถูกครูผู้ชายคนหนึ่งล่วงละเมิดทางเพศ ขณะเดินทางไปศึกษาดูงานโครงการนักเรียนวิทยาศาสตร์สู่สากลที่ประเทศสิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 8-11 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยผู้ปกครองรายดังกล่าวระบุว่ามีนักเรียนเข้าร่วมโครงการครั้งนี้ 46 คน มีครูร่วมเดินทางไปดูแลนักเรียน 3 คน เป็นชาย 2 คน หญิง 1 คน ซึ่งครูผู้ชายที่ก่อเหตุมีลักษณะกระตุ้งกระติ้ง



เมื่อวันที่ 21 มี.ค. พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) ให้สัมภาษณ์เรื่องนี้ว่า ได้รับทราบกรณีดังกล่าวแล้ว และได้ขอให้นายกมล รอดคล้าย เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เร่งตรวจสอบ หากพบว่าครูคนดังกล่าวทำความผิดจริง ก็ขอให้ดำเนินการลงโทษอย่างเด็ดขาด เพราะการล่วงละเมิดทางเพศถือว่ามีความผิดอยู่แล้ว และยิ่งเป็นครูไปกระทำการล่วงละเมิดทางเพศเด็กนักเรียนยิ่งถือว่ามีความผิดทางวินัย ขาดจรรยาบรรณอย่างร้ายแรง รวมถึงยังมีความผิดทางกฎหมายด้วย ขณะที่ในส่วนของโรงเรียนต่างๆ นั้นตนขอกำชับให้ช่วยกันสอดส่องดูแลนักเรียนและครู ไม่ให้เกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์สร้างความเสื่อมเสียขึ้นอีก



ส่วนนายกมลให้สัมภาษณ์ว่า ในวันที่ 23 มี.ค.นี้ ผู้ถูกกล่าวหาจะต้องมารายงานตัวหลังจากมีคำสั่งให้มาช่วยราชการที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.2) เข้าใจว่าคงมารายงานตัวตามกำหนด แต่ถ้าไม่มารายงานตัวและหายไปเกินกว่า 15 วันก็ถือว่าขาดราชการ จะต้องถูกปลดออกจากราชการทันที ระหว่างนี้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จะเร่งดำเนินการไปพร้อมๆ กันใน 2 ประเด็น คือ 1.ในเรื่องของกระบวนการสอบสวนข้อเท็จจริงก็ว่ากันไปตามข้อเท็จจริงให้เต็มที่และรวดเร็ว โดยพล.ร.อ.ณรงค์มีนโยบายชัดเจนให้ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ห้ามมิให้มีการช่วยเหลือในกรณีที่มีการกระทำความผิดอย่างเด็ดขาด เพราะถือเป็นเรื่องที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นกับวงการศึกษา



เลขาฯ สพฐ.กล่าวว่า เรื่องที่ 2 คือการดูแลสภาพร่างกายและจิตใจของเด็กจะต้องทำอย่างเต็มที่ ไม่ให้เด็กรู้สึกแย่จนไม่สามารถเรียนและใช้ชีวิตได้ตามปกติ ในขณะนี้ยังไม่อยากไปพูดถึงเรื่องของการย้ายเด็กไปเรียนที่อื่น แต่หากเป็นการร้องขอของทางเด็กและผู้ปกครอง สพฐ.ก็พร้อมจะดูแลเต็มที่ ส่วนกรณีที่ผู้ปกครองจะแจ้งความดำเนินคดีกับครูคนดังกล่าวหรือไม่นั้น ตนคงไม่สามารถตอบแทนได้ หากจะแจ้งความก็ถือเป็นสิทธิ์ที่สามารถกระทำได้อยู่แล้ว



"ที่ผ่านมา สพฐ.ได้มีการกำชับเรื่องการดูแลเด็กนักเรียนไม่ว่าจะไปจัดกิจกรรมใดๆ ที่ไหนก็ตามจะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของนักเรียนเป็นสำคัญ แต่ก็ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้ขึ้น ดังนั้นในการประชุมผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ทั่วประเทศในวันที่ 17 เม.ย. ผมจะได้กำชับในเรื่องนี้" เลขาธิการ กพฐ.กล่าว



ด้านนายธีร์ ภวังคนันท์ ผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจคุ้มครองและช่วยเหลือเด็กนักเรียน (ฉก.ชน.) สพฐ. ให้สัมภาษณ์ว่า สพฐ.ได้รับการร้องเรียนเรื่องนี้มาหลายวันแล้ว และได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งมีความคืบหน้าไปมาก หากผลการสอบสวนมีมูลที่ชัดเจนตามที่มีการร้องเรียน ก็จะดำเนินการทางวินัยขั้นเด็ดขาดซึ่งมีโทษถึงขั้นให้ออก ปลดออก และไล่ออก เพราะถือเป็นความผิดร้ายแรง ขณะเดียวกันก็เร่งเยียวยาสภาพร่างกายและจิตใจให้เด็กนักเรียน เพราะกรณีนักเรียนชายถูกล่วงละเมิดทางเพศครั้งนี้ ถือเป็นเรื่องที่กระทบจิตใจของเด็กอย่างรุนแรง โดยมากเด็กที่เจอกับสถานการณ์เช่นนี้จะมีสภาพจิตใจค่อนข้างแย่ เพราะเด็กตกเป็นเหยื่อความรุนแรง ซึ่งหากไม่ได้รับการเยียวยาและปล่อยไปอนาคตเด็กอาจเกิดพฤติกรรมเลียนแบบโดยไม่รู้ตัว 



ผอ.ฉก.ชน.กล่าวต่อว่า ทางศูนย์ได้สรุปผลการดำเนินงานคุ้มครองและช่วยเหลือนักเรียนที่ประสบเหตุ ประจำปี 2557 โดยมีเรื่องร้องเรียนเข้ามาจำนวน 49,599 ราย ดังนี้ กรณีถูกล่วงละเมิดทางเพศ 167 ราย แบ่งเป็นเด็กกับเด็ก 93 ราย ครู/บุคลากรทางการศึกษากับเด็ก 7 ราย บุคคลอื่นกับเด็ก 54 ราย และอื่นๆ 13 ราย กรณีความรุนแรง รวม 624 ราย แบ่งเป็น เด็กกับเด็ก 522 ราย ครู/บุคลากรทางการศึกษากับเด็ก 15 ราย บุคคลอื่นกับเด็ก 64 ราย ฆ่าตัวตาย/ทำร้ายตัวเอง 15 ราย อื่นๆ 8 ราย กรณีไม่ได้รับความเป็นธรรมทางการศึกษา รวม 12,382 ราย แบ่งเป็น ให้ออก 13 ราย เก็บค่าใช้จ่าย 3 ราย ครูไม่เป็นธรรม 13 ราย ขาดโอกาสเรียน (ยากจน/ขาดผู้อุปการะ) 11,825 ราย อื่นๆ 528 ราย กรณีอื่นๆ รวม 36,426 ราย แบ่งเป็น ท้องไม่พร้อม (สมยอม) 119 ราย ท้องไม่พร้อมถูกละเมิด 4 ราย จิตเวช (สมาธิสั้น) 32,909 ราย พฤติกรรมไม่เหมาะสม 2,843 ราย เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ 97 ราย ตายจากการจมน้ำ 83 ราย อื่นๆ 371 ราย



"ที่ผ่านมา เลขาธิการ กพฐ.ได้กำชับเรื่องการดูแลความปลอดภัยนักเรียนมาโดยตลอด แต่กลับมีครูที่มาก่อเหตุล่วงละเมิดทางเพศนักเรียนขึ้นมาอีก ซึ่งเลขาธิการ กพฐ.ไฟเขียวให้จัดการกับผู้ที่ก่อเหตุเต็มที่ โดยรายล่าสุดที่ก่อเหตุในลักษณะเช่นนี้กับนักเรียนเป็นครูชายในจังหวัดพะเยาได้กระทำอนาจารนักเรียนหญิง ซึ่งผลการสอบสวนพบมีมูล และได้ตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ซึ่งเมื่อวันที่ 17 มี.ค.ที่ผ่านมา ทางอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) เขตพื้นที่นั้นๆ ก็ได้มีมติเห็นชอบให้ปลดออกจากราชการเป็นกรณีตัวอย่างไปแล้ว" นายธีร์กล่าว



นายธีร์กล่าวด้วยว่า ทางศูนย์เตรียมที่จะจัดทำทะเบียนประวัติแบล็กลิสต์ครูที่กระทำความผิดร้ายแรงไว้ให้โรงเรียนต่างๆ ทั้งของรัฐและเอกชนได้ตรวจสอบ ทั้งนี้จะได้ปิดช่องทางเพื่อไม่ให้มีโรงเรียนใดรับเข้าไปทำหน้าที่ของการเป็นครูได้อีก ขณะเดียวกันคดีไหนมีการสอบสวนทางวินัยร้ายแรงสิ้นสุดและมีการลงโทษแล้ว จะมีการส่งรายชื่อครูผู้กระทำความผิดให้ทางคุรุสภาถอดถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูต่อไปด้วย



นายวิจิตร วิทยาวราพงศ์ รอง ผอ.สพม.2 รักษาการแทน ผอ.สพม.2 กล่าวว่า ขณะนี้ สพม.กทม.เขต 2 ได้ทำหนังสือแจ้งไปยังโรงเรียนรับทราบว่าให้ครูคนดังกล่าวมาช่วยราชการที่ สพม.กทม.เขต 2 แล้ว โดยเบื้องต้นยังไม่สามารถติดต่อครูคนดังกล่าวได้ แต่คาดว่าครูจะต้องมารายงานตัวที่เขตพื้นที่ฯ ในเร็วๆ นี้ ขณะเดียวกันทางโรงเรียนก็ได้มีการตั้งคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงแล้วเช่นกัน ทั้งนี้ ตนได้มีการพูดคุยกับผู้อำนวยการโรงเรียนชื่อดังแล้ว ซึ่งตัวผู้อำนวยการเอง ก็รู้สึกกังวล เพราะห่วงภาพลักษณ์ของโรงเรียนเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นโรงเรียนดังที่มีชื่อเสียง ซึ่งตนก็ได้ชี้แจงกับผอ.โรงเรียนดังไปว่า ครูที่ก่อเหตุคงไม่สามารถกลับไปยังโรงเรียนเดิมได้ และคาดว่ากลุ่ม ผู้ปกครองจะต้องออกมาต่อต้านอย่างแน่นอน อีกทั้งต้องคำนึงถึงสภาพจิตใจของเด็กเป็นหลักด้วย อย่างไรก็ตาม หากเรื่องดังกล่าวพบข้อมูลความผิดจริงครูก็จะถูกลงโทษทางวินัยขั้นร้ายแรง คือ การให้ออกจากราชการ



วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวประจำ จ.อุตรดิตถ์ รายงานว่า หลังจากโลกออนไลน์ได้มีการแชร์ข้อความไลน์การพูดคุยสนทนาระหว่างรองผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งในอุตรดิตถ์กับน.ร.หญิงชั้น ม.6 ในทำนองชู้สาว บอกว่าแอบชอบนักเรียนบ้าง ขอดูหน้าอกของเด็กบ้าง ต่อมามีการแชร์ต่อๆ กันในโลกออนไลน์จนกลายเป็นข่าวครึกโครม



ล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายละม่อม (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 57 ปี รองผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งในจ.อุตรดิตถ์ เข้าพบร.ต.ท.ชัชวาลย์ เหมืองหม้อ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองอุตรดิตถ์ เพื่อแจ้งความเป็นหลักฐานว่า ได้มีบุคคลซึ่งไม่ทราบว่าเป็นบุคคลใด ได้แอบอ้างใช้ไลน์ของตนติดต่อกับบุคคลอื่น ซึ่งใช้นามว่า "ฮอนด้า" ในเชิงชู้สาวทำให้เกิดความเสียหายต่อตนเอง แต่นายละม่อมไม่ได้นำข้อความที่ปรากฏบนไลน์มาแสดงต่อพนักงานสอบสวน



ทางด้านผู้อำนวยการโรงเรียนดังกล่าว เปิดเผยถึงเรื่องนี้ว่า ทราบเรื่องดังกล่าวจากคณะครูภายในโรงเรียน และได้เปิดสื่อออนไลน์ดูพบมีเนื้อหาเรื่องทำนองชู้สาวระหว่างรองผู้อำนวยการโรงเรียนกับเด็กนักเรียน จึงได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน ข้อเท็จจริงต่อเรื่องที่เกิดขึ้น โดยจะเชิญนายละม่อมมาสอบถามข้อเท็จจริง พร้อมกับเชิญเด็กนักเรียนที่เป็นคู่กรณีมาสอบด้วยเช่นกันในวันจันทร์ที่ 23 มี.ค.นี้ โดยจะให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย หากพบผิดจริงก็จะตั้งกรรมการสอบสวนเอาผิดวินัยร้ายแรงทันที 




Share on Google Plus

About komjungisat

This is a short description in the author block about the author. You edit it by entering text in the "Biographical Info" field in the user admin panel.
    Blogger Comment
    Facebook Comment

TEXT WIDGET

Blogger Template

About

Social Profiles

กดไลค์ = 1 กำลังใจ คลิกที่ว่างหรือกดกากบาทข้างล่างเพื่อเข้าอ่านข้อมูล หากคลิกแล้วเด้งไม่ต้องตกใจ ที่เด้งเพราะโฆษณาไม่ใช่ไวรัสค่ะ

Powered By | Blog Gadgets